
ตามไปดู 'จัมโบเจ็ต' 747-400 ของ KLM โชว์ลงจอดที่ 'เซนต์ มาร์เท่น' |
|
![]() |
|
สายการบิน KLMสายการบิน KLM ทำวิดีโอคลิปสารคดีเรื่องราวในค็อคพิทนักบินโบอิ้ง 747-400 เมื่อต้องนำเครื่องจอดบนรันเวย์ที่ยาวประมาณ 2.3 กม.ของสนามบินปริ๊นเซส จูเลียนา บนเกาะเซนต์ มาร์เท่น ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ในสนามบินที่อันตรายที่สุดในโลก... เกาะเซนต์ มาร์เท่น ขึ้นชื่อว่ามีสนามบินที่มีทางวิ่งขึ้น-ลงที่อันตรายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยลักษณ์ที่ด้านหน้าติดชายหาดมาโฮ และด้านหลังมีภูเขาสูง การนำเครื่องขึ้นลงที่นี่ นักบินจึงต้องใช้ทักษะที่สูง และปฏิบัติตามขั้นตอนและคำแนะนำจากหอบังคับการบิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดในการเดินทาง ในคราวนี้สายการบินแห่งชาติของเนเธอร์แลนด์ หรือ เคแอลเอ็ม (KLM) ได้ทำวิดีโอคลิปสารคดีเรื่องราวในค็อคพิทนักบิน เมื่อต้องนำเครื่องบินจัมโบเจ็ต โบอิ้ง 747-400 ลำโตลงจอดบนรันเวย์ที่ยาวประมาณ 2.3 กิโลเมตร ในเที่ยวบินจากสนามบิน สคิปโฮล กรุงอัมสเตอร์ดัม-สนามบินปริ๊นเซส จูเลียนา เกาะเซนต์มาเท่น ของหมู่เกาะแคริบเบียน ที่มีหาดมาโฮที่สวยงามอยู่ด้านหน้า และเป็นจุดที่ใช้สังเกตและดูเครื่องบินได้แบบใกล้ชิดมากที่สุดในโลก เรียกได้ว่าล้อเครื่องบินเฉียดหัวกันเลยทีเดียว ในเที่ยวบินนี้มีผู้คนนับร้อยคนมารอที่หน้าหาดมาโฮ เพื่อชมการลงจอดของเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ของเคแอลเอ็มที่บินตรงมาจากกรุงอัมสเตอร์ดัมนาน 8 ชั่วโมง เครื่องบินสีฟ้าหางสีขาวลำโต บินเป็นระยะทาง 7,977 กิโลเมตร หรือ ราวๆ 4,957 ไมล์ บินเป็นเส้นตรง ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก โดยกัปตัน Tim Ten Velde และผู้ช่วยกัปตัน Michel Vat กัปตัน Tim Ten Velde กล่าวว่า สนามบินปริ๊นซ์เซส จูเลียนา มีความท้าทายอยู่ที่รันเวย์ที่ยาวเพียง 2,300 เมตร และด้านหลังของสนามบินเป็นภูเขา การบินเข้าหาสนามบินจะทำด้วยระบบนำร่องที่ใช้ตำแหน่งพิกัดดาวเทียม (จีพีเอส) ระบุตำแหน่ง โดยมีข้อมูลของสนามบินอยู่ในไอแพดประจำตัวนักบิน ที่สามารถแสดงเส้นทางในการพาเครื่องบินเข้าหาสนามบินต่างๆ โดยในส่วนของสนามบินปริ๊นซ์เซส จูเลียนา เครื่องโบอิ้ง 747 ต้องบินวกกลับเพื่อเข้ามาให้ตรงทางวิ่ง 10 จากนั้นกัปตันจะเป็นผู้บังคับเครื่องให้ลงจอดแบบแมนนวล ทั้งนี้ระบบนำทางนี้ช่วยให้นักบินสามารถเข้าหาสนามบินได้แม้ในยามที่มีทัศนวิสัยต่ำ เมื่อเครื่องโบอิ้ง 747 เข้าใกล้สนามบิน และเริ่มตีวงเลี้ยวกัปตันก็จะกางแฟลบที่ปีก เพื่อลดความเร็วของเครื่องบิน และยังทำให้เครื่องบินสามารถบินในความเร็วต่ำได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจึงกางล้อ และเพิ่มองศาของแฟลปให้มากขึ้น ต่อด้วยการเช็กลิสต์ก่อนการร่อนลงจอด เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และสั่งให้ลูกเรือประจำที่นั่งของตัวเอง ที่หน้าหาดมาโฮ นักท่องเที่ยวต่างยืนจับจองพื้นที่ดูเครื่องบินกันแล้ว โดยเครื่องบินเมื่อเข้าถึงตรงหน้าหาด อยู่ในความสูงประมาณ 50 ฟิตเท่านั้น และเมื่อล้อเครื่องบินแตะพื้น กัปตันจะเริ่มเบรกโดยใช้ระบบทรัสท์ รีเวอร์ส เพื่อผันแรงขับจากเครื่องยนต์มาช่วยชะลอความเร็วของเครื่องบิน ควบคู่กับการเหยียบเบรกห้ามล้อ จนเครื่องไปหยุดที่ปลายรันเวย์ แล้วจึงกลับลำ 180 องศา เพื่อแท็กซี่เครื่องเข้ามายังลาดจอดที่อยู่ตรงกลางของรันเวย์ จากนั้นนำเครื่องขับเข้ามาจอดที่หลุมจอด เพื่อรอเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน นำเอาบันไดทางลงมาเทียบหน้าประตูเครื่อง เป็นอันจบสิ้นการเดินทางที่ยาวนาน 8 ชั่วโมง. แหล่งข่าว : thairath.co.th |